6/recent/ticker-posts

รีวิว Digimon Story Time Stranger ผ่าปริศนาข้ามเวลาพลิกอนาคต


Digimon Story: Time Stranger ผลงานล่าสุดในซีรีส์ Digimon Story ไม่ใช่ภาคต่อในภาค Cyber Sleuth แต่เป็นการเริ่มต้นเรื่องราวใหม่ในจักรวาลเดียวกัน พร้อมทั้งนำเอาองค์ประกอบที่แฟน ๆ ชื่นชอบมาขัดเกลาและเพิ่มเติมระบบใหม่ ๆ เข้าไป ทำให้ประสบการณ์การเล่นดูทันสมัยและลุ่มลึกยิ่งขึ้น ผู้เล่นจะรับหน้าที่เป็น "เอเจนต์" ภายใต้องค์กรลับ ADAMAS ซึ่งทำหน้าที่ในการสืบสวนและจัดการกับปรากฏการณ์ผิดปกติที่คุกคามโลกความเป็นจริงและการเดินทางครั้งนี้จะนำพาเอเจนต์ไปสู่การร่วมมือกับตัวละครสำคัญอย่าง อิโนริ มิโซโนะ และ เอกิโอมอน ดิจิมอนที่มีความสำคัญต่อปริศนาหลักของเรื่องซึ่งการผูกพันนี้จะกำหนดทิศทางของโชคชะตาการข้ามเวลาตัวเกมนำเสนอองค์ประกอบของนวนิยายวิทยาศาสตร์และการผจญภัยในโลกคู่ขนานอย่างลงตัวออกเดินทางสำรวจแผนที่ 3D ที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันทั้งในโลกมนุษย์และ Digital World: Iliad ที่มีทั้งความซับซ้อนและหลากหลายของพื้นที่ซึ่งแต่ละแห่งจะมีธีมและประเภทของดิจิมอนที่แตกต่างกันไป ดิจิมอนแต่ละตัวก็ได้รับการปรับปรุงโมเดล 3D ทำให้ดูมีชีวิตชีวาและยังคงรักษาเสน่ห์ของการสะสมและพัฒนาดิจิมอนที่มีมากถึง 450 ตัวในภาคนี้ Digimon Story: Time Stranger คือการกลับมาของซีรีส์ในฐานะ JRPG บนแพลตฟอร์มยุคใหม่พร้อมเติมเต็มด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและเกมเพลย์เชิงลึกที่ตอบโจทย์ผู้เล่นสายกลยุทธ์ได้อย่างยอดเยี่ยม


เนื้อเรื่อง



ภายในเกม Digimon Story: Time Stranger ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นเอเจนต์ขององค์กรลับที่ชื่อว่า ADAMAS ซึ่งมีหน้าที่ในการสืบสวนปรากฏการณ์ผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับดิจิมอนในกรุงโตเกียว เผชิญหน้ากับเหตุการณ์หายนะครั้งใหญ่ที่เรียกว่า Shinjuku Inferno ซึ่งเป็นภัยพิบัติที่ทำให้ชินจูกุพังทลายเราจะถูกส่งย้อนเวลากลับไปในอดีตเมื่อ 8 ปี ก่อนเกิดเหตุการณ์


ระหว่างการเดินทางข้ามเวลาจะได้พบกับ อิโนริ มิโซโนะ เด็กสาวธรรมดาที่โชคชะตาเข้ามาเกี่ยวข้อง และ เอกิโอมอน ดิจิมอนผู้สูญเสียความทรงจำและกลายเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนา ร่วมมือกันสืบหาความเชื่อมโยงระหว่างโลกมนุษย์กับ Digital World Ilia เรื่องราวจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มดิจิมอนระดับเทพเจ้า Olympus XII และความขัดแย้งที่คุกคามความเป็นจริง การเดินทางของเราคือการสร้างความผูกพันและใช้พลังของดิจิมอนเพื่อแก้ไขอดีตและกำหนดอนาคตใหม่ให้พ้นจากหายนะที่กำลังจะมาถึง

Digital World Iliad

Digimon Story: Time Stranger ดิจิทัลเวิลด์ในภาคนี้มีชื่อว่า Digital World: Iliad ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ดิจิทัลที่แยกจากเซิร์ฟเวอร์หลัก (Yggdrasill) และอยู่ภายใต้การปกครองของกลุ่ม Olympos XII (กลุ่มดิจิมอนในตำนานกรีก/โรมัน) แทนที่ Royal Knights


ออกเดินทางสำรวจพื้นที่เหล่านี้ซึ่งแต่ละแห่งจะมีธีมและประเภทของดิจิมอนที่แตกต่างกันไป 

Central Town (เซ็นทรัลทาวน์)
เป็นศูนย์กลางของอิเลียด มีลักษณะเป็นเมืองหลักที่คึกคัก มีร้านค้า, บาร์, และดิจิมอนหลากหลายชนิดรวมตัวกัน 

Guardian Palace (การ์เดียนพาเลซ)
เป็นพื้นที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่ม Olympos XII ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์บัญชาการของเทพดิจิมอนในเซิร์ฟเวอร์นี้

Factorial Area (แฟกทอเรียลแอเรีย)
เป็นพื้นที่แนวอุตสาหกรรมเต็มไปด้วยเครื่องจักรและสิ่งก่อสร้างมีดิจิมอนประเภทเครื่องจักรที่เกี่ยวข้องอาศัยอยู่

Gear Forest (เกียร์ฟอเรสต์)
ป่าดิจิทัลซึ่งมักจะมีดิจิมอนประเภทแมลงและพืชหรือดิจิมอนที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ

Abyss Area (อบิสแอเรีย)
เป็นพื้นที่ที่เกี่ยวกับน้ำ ทะเล หรือชายหาด มักเป็นที่อยู่ของดิจิมอนประเภทน้ำ

Temple of Beginnings (วิหารแห่งจุดเริ่มต้น)
เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์หรือสถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดของอิเลียด เป็นพื้นที่สำคัญในเนื้อเรื่องหลัก

เกมเพลย์

Digimon Story Time Stranger เกมเพลย์ยังคงเป็นแบบ Turn-Based RPG คลาสสิคเช่นเดิมไว้ เมนูคำสั่งการใช้งานทันสมัยและมีระบบการต่อสู้ที่ลุ่มลึกสามารถเลือกดิจิมอนเข้าทีมได้ถึง 6 ตัว (3 ตัวหลักในสนาม และ 3 ตัวสำรอง) การวางแผนเชิงกลยุทธ์มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
คำสั่งหลักในการต่อสู้ (Combat Commands)

Attack (โจมตี): การโจมตีพื้นฐานทางกายภาพ สร้างความเสียหายปกติ ไม่เสียค่า SP
Skills (สกิล): การใช้ท่าพิเศษประจำตัวดิจิมอน สร้างความเสียหายสูง/มีเอฟเฟกต์พิเศษ เสียค่า SP
Guard (ป้องกัน): ลดความเสียหายที่ได้รับลงอย่างมาก สละเทิร์นนั้น
Change (เปลี่ยนตัว): สลับดิจิมอนที่อยู่บนสนามกับตัวสำรองในปาร์ตี้ทันที ไม่เสียเทิร์น
Analyze (วิเคราะห์) : ตรวจสอบข้อมูลศัตรูในขณะต่อสู้ ไม่เสียเทิร์น


การต่อสู้มีระบบจุดอ่อนที่ซับซ้อน แบ่งเป็น 2 ระดับ ดังนี้

Attribute Triangle: เป็นระบบแบบเป่ายิ้งฉุบ Data ชนะ Vaccine, Vaccine ชนะ Virus, Virus ชนะ Data การโจมตีที่ชนะทางจะสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้นอย่างมาก
Elemental Weakness: ระบบจุดอ่อนของธาตุ ดิจิมอนในการโจมตีด้วยสกิลนั้นจะมีธาตุ (เช่น ไฟ น้ำ ลม) ซึ่งมีผลต่อการแพ้ทางกันของแต่ละธาตุก็จะยิ่งสร้างความเสียหายได้รุนแรงขึ้นและการทำความเสียหายใส่จุดอ่อนจะได้รับ Cross Points (CP) ได้อีกด้วย

อีกทั้งยังมีตัวเลือก เร่งความเร็วการต่อสู้ ได้ถึง 2x, 3x และ 5x และสามารถ Auto-Battle ก็ช่วยลดความเหนื่อยในการฟาร์มได้อย่างมาก

Cross Arts คือท่าไม้ตายสนับสนุนของตัวเอกที่สามารถใช้ทั้งบัฟดิจิมอนทั้งทีมในฝั่งเราหรือใช้โจมตีดิจิมอนที่เป็นศัตรูสามารถติดตั้งได้เพียงท่าเดียวเท่านั้นจะทำงานได้ต่อเมื่อสะสมเกจ Cross Points (CP) เต็มในระหว่างต่อสู้และข้อดีคือเมื่อเกจเต็มจะสามารถนำไปใช้ในการต่อสู้ครั้งต่อไปได้


ประเภทของ Cross Arts: มีหลายรูปแบบให้เลือกใช้ตามสถานการณ์ ซึ่งสามารถปลดล็อกได้จากระบบ Agent Skills เช่น

Offensive (โจมตี): ท่าที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อศัตรูทั้งหมดหรือโจมตีเป้าหมายเดียว
Support (สนับสนุน): ท่าที่ให้ผลบัฟ (Buff) สถานะแก่ทีม, เพิ่มพลังป้องกัน, หรือแม้กระทั่งฟื้นฟูพลังชีวิตและสถานะผิดปกติ
Emergency (ฉุกเฉิน): ท่าที่ใช้ในการพลิกสถานการณ์ เช่น การชุบชีวิตดิจิมอนทั้งหมด

การฟื้นฟูพลังงานอัตโนมัติ (Out-of-Combat Recovery): เมื่ออยู่นอกฉากต่อสู้ HP และ SP ของดิจิมอนจะฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วเมื่อหยุดนิ่งอยู่กับที่ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาใช้ไอเทมหรือต้องวิ่งกลับไปที่จุดฟื้นฟูทำให้สามารถนำเงินไปใช้ลงทุนกับการฝึกฝนดิจิมอน หรือซื้ออุปกรณ์อื่น ๆ แทนได้นับเป็นข้อดีเป็นอย่างมากในภาคนี้

การสำรวจ


Digi-Attack: ในพื้นที่ต่อสู้นั้นสามารถใช้การโจมตีจากดิจิมอนที่เราติดตั้งไว้ให้โจมตีศัตรูที่อยู่บนแผนที่ก่อนเข้าสู่การต่อสู้เพื่อได้เปรียบในการเปิดฉากต่อสู้ หรือบางครั้งก็สามารถกำจัดศัตรูที่เลเวลต่ำกว่าได้ทันที และยังสามารถใช้ทำลายสิ่งกีดขวางหรือแก้ปริศนาที่จะต้องใช้
ดิจิมอนที่เป็นชนิดที่กำหนดในการเปิดทางไปต่อ


DigiRide: ฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในภาคนี้ที่ทำให้สามารถเดินทางโดยการขี่ดิจิมอนได้บางตัว และแต่ละตัวก็มีรูปแบบการขี่ที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของดิจิมอนไม่ว่าจะบนหลัง/บ่า หรือรูปแบบยานพาหนะ ทำให้การเลือกใช้ดิจิมอนต่าง ๆ มีความสนุกและหลากหลายในการเดินทางและสามารถพุ่งชนโจมตีได้อีกด้วย


Outer Dungeons (ดันเจี้ยนพิเศษ)


Outer Dungeons เป็นพื้นที่ท้าทายพิเศษที่ซ่อนอยู่ตามมุมต่าง ๆ ของแผนที่โลกแต่ละแห่งจะมีรูปแบบการเล่นที่ไม่เหมือนกันและแตกต่างจากการต่อสู้แบบเทิร์นเบสปกติ:

Time Attack Boss Battles: การแข่งกับเวลาเพื่อไปให้ถึงบอส โดยต้องต่อสู้กับศัตรูไปตามทางอย่างรวดเร็ว
Survival Challenges: การเอาชีวิตรอดจากการโจมตีของดิจิมอนหลายระลอก
Racing Segments: การแข่งความเร็วโดยการขี่ดิจิมอนไปตามเส้นทางและหลบสิ่งกีดขวาง
Tower Defense-style Challenges: ดันเจี้ยนที่ต้องป้องกันไม่ให้ดิจิมอนจำนวนมากผ่านไปถึงจุดหมาย


การค้นพบและแก้ไขปริศนาใน Outer Dungeons เหล่านี้จะให้รางวัลที่มีค่าตอบแทนที่สูงซึ่งช่วยในการพัฒนาดิจิมอนได้เป็นอย่างมาก

การเลี้ยงดูและพัฒนาดิจิมอน (Raising & Evolution) 



มีดิจิมอนให้สะสมมากกว่า 450 ตัว โดยมีระบบการฝึกฝนที่ความอิสระและรายละเอียดในวิวัฒนาการที่แตกต่างกัน

การสะสมดิจิมอน (Scanning & Conversion)


จะได้รับดิจิมอนจากการ สแกน (Scanning) ทุกครั้งที่ชนะการต่อสู้กับดิจิมอนตัวนั้น
เมื่อเปอร์เซ็นต์การสแกนถึง 100% สามารถแปลงข้อมูลเป็นดิจิมอนเพื่อนำเข้าทีมได้
หากสแกนถึง 200% ดิจิมอนที่ได้จะมีค่าความสามารถแฝงที่สูงกว่า (เรียกว่า ABI/Talent) ทำให้มีศักยภาพในการฝึกฝนและเพิ่มค่าสถานะได้สูงขึ้น

Digivolution (การวิวัฒนาการ)


ไม่จำกัดเส้นทาง: ระบบวิวัฒนาการยังคงเป็นแบบไม่เป็นเส้นตรงสามารถ Digivolve (วิวัฒนาการ) ให้แข็งแกร่งขึ้น และ 
De-Digivolve (ย้อนกลับร่าง) เพื่อรับโบนัสสถานะสะสม (Cumulative Stats) และเพิ่มค่า Talent ซึ่งทำให้ดิจิมอนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะกลับไปร่างเดิม
เงื่อนไข: การวิวัฒนาการต้องผ่านเงื่อนไขด้าน ค่าสถานะ และที่สำคัญคือ Agent Rank ของตัวเอก



ระบบ Agent Rank และ Agent Skills



ดิจิมอนจะไม่สามารถพัฒนาร่างไปยังระดับที่สูงขึ้นได้ หาก Agent Rank ไม่ถึงระดับที่กำหนดไว้ไม่ว่าดิจิมอนตัวนั้นจะมีค่าสถานะสูงแค่ไหนก็ตามถือเป็นระบบพัฒนาความก้าวหน้าของตัวละครในเกมนี้
Agent Rank: ระดับของเอเจนต์จะเพิ่มขึ้นจากการใช้ Anomaly Points ซึ่งได้มาจากการทำภารกิจหลักและภารกิจเสริม
Agent Skills: การใช้ Anomaly Points เพื่อปลดล็อกทักษะในผัง Agent Skills จะทำให้ได้รับความสามารถที่เป็นประโยชน์อย่างมาก เช่น
- ปลดล็อค Cross Arts ใหม่
- ลดข้อกำหนดด้านสถานะ ในการ Digivolve
- เพิ่มค่าสถานะ ให้กับดิจิมอนที่มีบุคลิกบางประเภท
ข้อจำกัดการวิวัฒนาการ: Agent Rank ทำหน้าที่เป็นตัวกำหนดเพดานพลังการจะวิวัฒนาการดิจิมอนไปสู่ร่าง Champion, Ultimate หรือ Mega นั้นจะต้องมี Agent Rank ถึงระดับที่กำหนดก่อน

ระบบ Digifarm


เปรียบเสมือนโรงฝึกอัตโนมัติสำหรับดิจิมอนสำรองที่ช่วยให้สามารถพัฒนาและจัดการกับดิจิมอนได้สูงสุดถึง 30 ตัวพร้อมกันในขณะที่เรากำลังผจญภัยอยู่ในเนื้อเรื่องหลัก แต่น่าเสียดายในระหว่างที่อยู่ใน Digifarm เราไม่สามารถดู Digivolution ของดิจิมอนในนี้ได้เลยทำให้เป็นข้อเสียเป็นอย่างมากที่จะฝึกฝนให้ดิจิมอนมีค่าสถานะในการวิวัฒนาการเป็นร่างที่เราต้องการ

1. ฝึกฝนและเพิ่มค่าสถานะ (Stat Training)
สามารถใช้ ชุดฝึกฝน (Training Sets) เพื่อกำหนดให้ดิจิมอนในฟาร์มฝึกฝนและเพิ่มค่าสถานะที่ต้องการเป็นพิเศษ (เช่น ATK, DEF, INT, SPD) ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในการปลดล็อคเงื่อนไขเพื่อ ดิจิโวลฟ์ (Digivolve) ไปสู่ร่างที่สูงขึ้น

2. เปลี่ยนบุคลิกภาพ (Personality Change):
ระบบบุคลิกภาพมี 16 แบบ ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตของค่าสถานะ การเรียนรู้สกิล และเงื่อนไขการ Digivolve
การใช้ ชุดฝึกฝน ในดิจิฟาร์มเป็นวิธีที่สามารถ เปลี่ยนบุคลิกภาพ ของดิจิมอนเป็นไปในแบบที่ต้องการได้

3. เพิ่มระดับความผูกพัน (Bond Development):
สามารถให้อาหาร Digifood แก่ดิจิมอนในฟาร์มเพื่อเพิ่มระดับ Bond มีผลต่อการคงค่าสถานะสะสมเมื่อ Digivolve 
หรือ De-Digivolve 
4. รับ EXP และสะสมวัสดุแบบอัตโนมัติ (Passive Growth & Material Gathering):
ดิจิมอนที่อยู่ในดิจิฟาร์มจะได้รับค่าประสบการณ์ (EXP) อย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะไม่ได้ร่วมต่อสู้ 
ดิจิมอนในฟาร์มยังสามารถช่วย สะสมวัสดุ (Materials) ที่จำเป็นสำหรับการคราฟต์และการอัปเกรดต่าง ๆ ได้อีกด้วย
5. การปรับแต่งฟาร์ม (Customization):
ดิจิฟาร์มสามารถตกแต่งและปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบทั้งการปรับเปลี่ยนชนิดของพื้นผิว (เช่น ทะเลทราย ป่า หรือมหาสมุทร) และการวางไอเทมตกแต่ง (รองรับสูงสุด 250 ชิ้น)

มินิเกม Jogmon Ultimate Card Game (JUGC)


JUGC เป็นมินิเกมที่สามารถเล่นกับตัวละคร NPC ต่าง ๆ ในเกมเพื่อสะสมการ์ดและรับรางวัล ผู้เล่นแต่ละคนจะเริ่มต้นด้วยการ์ด 5 ใบที่สุ่มมาจากสำรับทั้งหมด และจะแข่งกัน 5 รอบ ใครที่ชนะ 3 ใน 5 รอบก่อนถือเป็นผู้ชนะ 

สรุป


Digimon Story: Time Stranger เป็นเกม JRPG แนว Monster-Taming ภาคใหม่ล่าสุดนับเป็นภาคที่เจ็ดในซีรีส์ Digimon Story ในภาคนี้ก็ยังคงนำเสนอระบบการเลี้ยงดิจิมอนที่ลุ่มลึกและเต็มไปด้วยกลยุทธ์โดยผสานการเล่าเรื่องที่เข้มข้นเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลาเข้ากับระบบต่อสู้แบบเทิร์นเบสที่ได้รับการพัฒนากราฟิกและระบบการต่อสู้ให้มีความลึกและทันสมัยพร้อมทั้งฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ทำให้การสำรวจโลกดิจิทัลมีความสนุกสนานและมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นแต่ที่น่าเสียดายคือระบบ Digifarm ในการที่เราจะนำดิจิมอนเข้าไปพัฒนาฝึกฝนนั้น
เราจะไม่สามารถดู Digivolution เมื่อเราอยู่ในโหมดนี้ได้ทำให้ไม่สามารถดูรายละเอียดในการที่จะฝึกฝนให้ตรงกับร่างที่เราต้องการจะวิวัฒนาการไปนั่นเอง ทำให้ต้องเอาดิจิมอนที่ต้องการฝึกฝนเข้าออกจากฟาร์มเพื่อมาดูรายละเอียดตรงนี้ทำให้เสียเวลาเป็นอย่างมาก
งานภาพยังคงยึดสไตล์แบบอนิเมะและโมเดลดิจิมอนกว่า 450 ตัว ถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดถึงแม้ว่าโมเดลจะดูดีขึ้นมาก แต่ฉากหลังอาจจะไม่ได้โดดเด่นเท่าที่ควร แต่ถ้าชอบการวางแผน การฝึกฝนดิจิมอน และเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลา ภาคนี้ก็ยังคงมอบแก่นของซีรีส์ Digimon Story ที่ยอดเยี่ยมที่น่าติดตามอีกภาคหนึ่ง ตกหล่นหรือผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี่

ข้อดี

- ดิจิมอนมากมายกว่า 450 ตัวให้ได้ตามหา
- สามารถ Digivolve และเข้าถึง DigiBank ได้จากเมนูหลักในทุกที่ทำให้การจัดการทีมขนาดใหญ่เป็นเรื่องง่ายและไม่น่าเบื่อเหมือนภาคก่อน
- DigiRide สามารถใช้ดิจิมอนเป็นยานพาหนะในการเดินทางที่รวดเร็วและโจมตีศัตรูที่ขวางทาง
- HP/SP สามารถ Refil ได้เมื่อยีนอยู่เฉย ๆ 

ข้อเสีย

- Digifarm เมื่ออยู่โหมดนี้ไม่สามารถดูรายละเอียดของดิจิมอนในร่างที่เราต้องการจะวิวัฒนาการทำให้ไม่รู้ว่าจะฝึกฝนเพิ่มค่าอะไรให้ตรงสายทำให้ต้องจดจำก่อนนำเข้ามาไว้ในฟาร์ม
- การขาย DLC ในการพัฒนาตัวละคร EXP หรือ เงิน

คะแนนรวม 8/10

Digimon Story Time Stranger วางจำหน่ายแล้ววันนี้บนแพลตฟอร์ม PlayStation5, Xbox Series X/S และ PC

ทีมงาน P4G ขอขอบคุณทาง Bandai Namco Entertainment สำหรับตัวเกมเพื่อการรีวิวมา ณ ที่นี้

REVIEW by LUCIFERLOCKHART

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น