6/recent/ticker-posts

รีวิว Clair Obscur: Expedition 33 ลำนำรำลึกแห่งการลาจาก


หลายปีมานี้เรามักจะได้เห็นเกมอินดี้คุณภาพระดับบ AAA อยู่บ่อย ๆ เพราะแนวคิดในการพัฒนามีความอิสระกว่าเกมจากสตูดิโอใหญ่ ๆ และนี่ก็คือที่มาของเกม Clair Obscur: Expedition 33 ที่เป็นผลงานจาก Sandfall Interactive เกมแรกจากทีมพัฒนาชาวฝรั่งเศสที่ได้อดีตนักพัฒนาจาก Ubisoft มาร่วมในการพัฒนาอยู่ 12 คน สตูดิโอมีประมาณ 30 กว่าคน ในการพัฒนาเกมนี้ ตามที่ Guillaume Broche ซึ่งเป็น CEO และผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ได้กล่าวไว้ว่าเป้าหมายของเกมนี้ก็คือการสร้างเกม RPG แบบผลัดตากันโจมตีที่สมจริง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก Final Fantasy และ Persona ในการพัฒนาเกมที่มีระบบการเล่นมุมมองบุคคลที่สามโดยควบคุมกลุ่มตัวละครสำรวจพื้นที่และต่อสู้แบบผลัดตากันโจมตีแบบเรียลไทม์ที่มีการเล่นผสมผสานความท้าทายแบบ Roguelike ในการหลบหลีกและปัดป้องการโจมตีและงานภาพที่ได้รับแรงบันดาลใจงานศิลป์ในเกมมาจากฝรั่งเศสยุค Belle Époque อันเป็นหนึ่งในยุคที่ศิลปวัฒนธรรมเฟื่องฟูที่สุดของฝรั่งเศสและการนำเสนอเรื่องราวที่มีความดาร์กแฟนตาซีจนกลายมาเป็นเกม Clair Obscur: Expedition 33 ที่ตัวเกมถูกผสมผสานรูปแบบการเล่นและการถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างน่าสนใจเกมหนึ่งถือเป็นเกมม้ามืดในปีนี้จริง ๆ

เนื้อเรื่อง



เรื่องราวใน Clair Obscur: Expedition 33 เกิดขึ้นในฉากแฟนตาซีอันมืดมิดในยุคเบลล์เอป็อกตลอด 67 ปีที่ผ่านมาผู้คนบนเกาะลูมิแยร์ต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวได้ถูกหญิงปริศนาที่ถูกขนานนามว่า The Paintress วาดเลขต้องสาปลงบนเสา Monolith ตัวเลขเหล่านั้นจะลดลงทุกปีผู้ที่มีอายุตรงกับเลขที่ลดลงนั้นก็จะสลายหายไปตลอดกาล Gustave ที่สูญเสียคนรักจึงเข้าร่วมคณะสำรวจเพื่อแสวงหาหนทางทำลายล้างคำสาปและความหวังที่จะสังหาร The Paintress ก่อนที่เธอจะวาดเลขจำนวนใหม่จึงได้ Expedition 33 เป็นคณะสำรวจล่าสุดที่ออกเดินทางในครั้งนี้

เกมเพลย์


Clair Obscur: Expedition 33 เป็นเกมผสมผสานระหว่างเกมแนว Turn-Based RPG และ Roguelike และมีความดาร์กแฟนตาซีไว้ด้วยกันโดยโลกในเกมนั้นจะมีระบบที่มีความเป็น Roguelike เป็นแกนหลักตั้งแต่จุดเซฟเมื่อเราพักผ่อนศัตรูก็จะเกิดขึ้นมาใหม่ และเป็นจุดที่ใช้ทั้งเป็นที่ Fast Travel หรือพัฒนาตัวละครปลดล็อกสกิล แต่ที่ต่างออกไปก็คือในส่วน XP ที่ได้จากการต่อสู้นั้นต่อให้เราตายก็จะไม่

ดรอปหรือเสียมันไปและในส่วนของการเล่นแบบ Turn-Based ที่เป็นการต่อสู้แบบผลัดตากันโจมตีนั้นรูปแบบการใช้คำสั่งได้แก่

  • Attack - โจมตีปกติ จะได้รับแต้ม AP 1 แต้ม
  • Skills - ใช้แต้ม AP ในการใช้งานสกิลที่ติดตั้งเอาไว้
  • Items - ไอเทมสนับสนุน ได้แก่ เพิ่มเลือด, เพิ่ม AP, และชุบชีวิตเพื่อน
  • Aim – ใช้ในการยิงทำลายจุดอ่อนของศัตรู และใช้รับมือกับศัตรูที่โจมตีไม่โดน
  • Skip Turn – ในกรณีที่ไม่อยากโจมตีสามารถข้ามเทิร์นไปหาเพื่อนได้
  • Flee – ถ้าในกรณีที่สู้ศัตรูไม่ไหวหรือไม่พร้อมต่อสู้สามารถใช้หนีออกจากการต่อสู้ปกติได้
  • Gradient Attack – การโจมตีพิเศษที่ต้องสะสมเกจ Gradient Charges ในการใช้งาน

แม้ภาพรวมตัวเกมจะมีระบบการเล่นที่มีความคล้ายกับเกม Persona อยู่มากทั้งในส่วนคำสั่งและระบบการแพ้ธาตุที่เป็นจุดอ่อนของศัตรูก็มีลักษณะเช่นเดียวกันนั้น


แต่ตัวเกมก็ไม่ได้คงรูปแบบที่คล้ายกับเกม Persona ไปซะทีเดียวไม่ว่าจะเป็นระบบ QTE (Quick Time Even) ในการโจมตีที่เป็นสกิลก็จะมี QTE โผล่ขึ้นมาให้กดส่งผลต่อโบนัสดาเมจที่เราโจมตีออกไป


อีกทั้งยังมีระบบเอาตัวรอดจากการโจมตีของศัตรูอยู่อีก ที่เราต้องสังเกตการโจมตีของศัตรูและเลือกใช้การหลบหลีกไปตามสถานการณ์ก็จะยิ่งช่วยให้เราได้เปรียบในการต่อสู้ถ้าใช้จนชำนาญแทบจะไม่ได้รับการโจมตีเลยทีเดียว



หัวใจหลักของการเอาตัวรอดก็คือการกดโดยการกะจังหวะจากเสียง หรือสังเกตการเคลื่อนไหวของศัตรู

  • Parry - ปัดป้องการโจมตีได้ทุกรูปแบบ 
  • Dodge – หลบหลีกการโจมตีของศัตรู
  • Jump - กระโดดหลบการโจมตีพิเศษของศัตรู แถมยัง Counter Attack ศัตรูได้อีกด้วย
  • Gradient - เป็นท่าสำหรับเคาน์เตอร์การโจมตีพิเศษของศัตรูโดยเฉพาะ

การสำรวจโลก


ออกเดินทางไปบนดินแดนที่แปลกประหลาดพื้นที่สำรวจล้วนแปลกตา บนโลกกว้างนั้นเราสามารถตั้งแคมป์ตรงไหนก็ได้ พูดคุยกับเพื่อนพัฒนาตัวละคร อัปเกรดอาวุธ ใช้เป็นที่เซฟก็ได้เช่นกัน และในการพักที่แคมป์แต่ละครั้ง เมื่อเราทำความรู้จักเพื่อนร่วมทีมได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผ่านอีเวนต์พิเศษที่จะค่อย ๆ ปลดล็อกไปตามเนื้อเรื่อง การชมอีเวนต์เหล่านี้ให้ครบถ้วนยังนำไปสู่การเรียนรู้ท่าพิเศษอย่าง Gradient Attacks อีเวนต์เหล่านี้จะทยอยเกิดขึ้นไปตามลำดับโดยผู้เล่นไม่ต้องกังวลว่าจะพลาด


ตามเส้นทางก็จะมีศัตรูตามจุดต่าง ๆ ที่จะยืนเฉย ๆ ให้เราได้เข้าต่อสู้ และศัตรูขนาดใหญ่ที่จะเข้าต่อสู้ได้แค่ครั้งเดียวแล้วก็จะหายไปจากพื้นที่


บนแผนที่นั้นก็จะแสดงจุดหมายที่เราจะต้องไป แต่ตัวเกมก็ไม่ได้เป็นเส้นตรงสามารถแวะสำรวจสถานที่อื่นก่อนได้ สถานที่ต่าง ๆ จะมีประตูทางเข้าขนาดใหญ่โลกภายในก็จะต่างจากภายนอกโดยสิ้นเชิงเหมือนเป็นอีกมิติหนึ่ง



ด้านในนั้นมุมกล้องก็จะเปลี่ยนไปเป็นแบบบุคคลที่ 3 ตามทางก็จะมีศัตรูประจำอยู่ตามจุดต่าง ๆ แต่พวกมันจะไม่ยืนเฉยเหมือนในโลกกว้างอีกแล้วหากเราเป็นฝ่ายโจมตีก่อนก็จะเป็นฝ่ายที่จะได้เปรียบในการได้โจมตีในเทิร์นแรก อีกทั้งในพื้นที่ก็ยังมีพัซเซิลที่จะได้ของรางวัลพิเศษให้เราได้ตามหาอยู่อีก และจุดเซฟสามารถ Fast Travel ไปยังจุดเซฟอื่นได้แค่ภายในสถานที่ ๆ เราเข้ามาได้เท่านั้นไม่สามารถ Fast Travel ออกไปด้านนอกประตูที่เราเข้ามาได้ อีกทั้งด้านในจะไม่มีแผนที่ให้เราได้กดดูอีกแล้วผู้เล่นจึงต้องสำรวจและจดจำเส้นทางที่แสนวกวนในการตามหาไอเทมและดำเนินเรื่องราว

การพัฒนาตัวละคร


ทุกครั้งที่ตัวละครเลเวลอัป เราจะได้รับแต้มมาอัปเกรดเพิ่มศักยภาพให้กับตัวละครตามรูปแบบเกมแนว Roguelike โดยสามารถกำหนดสถานะของตัวละครได้เองว่าจะเน้นไปที่อะไรในการพัฒนาตัวละครของเรา และหากไม่พอใจผู้เล่นยังสามารถล้างค่าสถานะ โดยใช้ไอเทม Recoat ได้อีกด้วย

ระบบ Pictos & Luminas และ Weapon


Pictos เป็นไอเทมที่จะได้มาจากการต่อสู้ สำรวจ หรือทำตามเงื่อนไขเพื่อได้มาใช้สำหรับช่วยเพิ่มความสามารถแบบ Passive อย่างเช่นเพิ่มเกราะรับการโจมตีได้ 3 ครั้งเมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น หรือ เพิ่มเติมดาเมจการโจมตีที่มีเงื่อนไขในการทำงานแตกต่างกันไป สามารถติดตั้งได้ 3 ชิ้น


Luminas คือการก็อบปี้ความสามารถของ Pictos ให้กับตัวละครอื่นที่ไม่ได้ติดตั้ง Pictos ไว้ โดยการใช้พอยท์นำไปแลก แต่ Pictos ที่จะสามารถก็อบปี้ได้นั้นจะต้องถูกใช้งานจนสัญลักษณ์คล้าย Rune ส่องแสงก็เรียกได้ว่านั่นคือระดับ Master ที่ตัวละครอื่นจะสามารถก็อบปี้เอาความสามารถมาใช้ได้แม้ไม่ต้องติดตั้ง Pictos นั้นไว้กับตัว


Weapon (อาวุธ) ในเกมนั้นจะมีระดับเลเวลเมื่อเลเวลถึงระดับที่กำหนดก็จะปลดล็อกความสามารถเพิ่มเติมของอาวุธได้อีก ระดับเลเวลนั้นสามารถเลื่อนระดับได้ผ่านการต่อสู้แต่ก็จะใช้เวลาเป็นอย่างมากควรตัดสินใจว่าจะเลือกใช้อาวุธชิ้นใดเป็นหลักและนำไปอัปเกรดเพราะยิ่งเลเวลสูงขึ้นก็ยิ่งต้องใช้ของหายากในการอัปเกรด

สกิล


สกิลพอยท์ (แต้มสกิล) ก็เช่นกันเราจะได้มาตอนที่เลเวลอัปแต่ละช่องจะแสดงตัวเลขที่จะต้องใช้แต้มในการเรียนรู้ไม่เท่ากัน สามารถติดตั้งได้ 6 ช่องจากสกิลทั้งหมดจึงควรศึกษารูปแบบการใช้งานของสกิลให้ดีว่าแบบไหนใช้ AP เท่าไรในการโจมตี

ระบบอัปเกรด

เมื่อเล่นไปถึงระดับนึงภายในแคมป์ก็จะมีสถานที่ให้สำหรับอัปเกรดอาวุธและน้ำยาเพิ่มเข้ามา อีกทั้งยังสามารถมอบพอยท์ Lumina ให้กับตัวละครที่ต้องการได้อีกด้วย


อย่างที่เกริ่นไว้แล้วเกี่ยวกับระดับเลเวลของอาวุธที่มีเลเวลให้ปลดล็อกเพิ่มความสามารถนั้น เราสามารถอัปเกรดอาวุธโดยใช้ไอเทมที่กำหนดเพิ่มระดับเลเวลขึ้นได้ ยิ่งระดับเลเวลสูง ๆ ก็ต้องใช้ไอเทมหายากที่กำหนดมาใช้ในการอัปเกรด


ในส่วนนี้เราสามารถเพิ่มพอยท์ Lumina ให้กับตัวละครที่เราต้องการ และไอเทมประเภทน้ำยาในเกมนี้ไม่ว่าจะเพิ่มเลือด เพิ่มพลังงาน หรือชุบชีวิตก็ไม่ต้องหามาใช้ให้ยุ่งยาก โดยเริ่มต้นเราจะมีติดตัวอยู่ก่อนแล้วแต่จะใช้การอัปเกรดในการทำให้ขวดน้ำยาขวดใหญ่ขึ้น ทุกครั้งที่เราพักผ่อนจำนวนการใช้งานก็จะกลับมาเต็มเหมือนเดิม แต่ศัตรูก็จะเกิดใหม่เช่นกัน

ปรับแต่งตัวละคร


เราสามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าทรงผมให้กับตัวละครโดยการใช้ไอเทมที่พบเจอได้จากการสำรวจ หรือซื้อจากร้านค้า และบททดสอบสุดท้าทายที่มีของรางวัลล่อตาล่อใจอย่างชุดว่ายน้ำให้ผู้เล่นได้ท้าทายฝีมือ

กราฟิก



Clair Obscur: Expedition 33 นั้นเริ่มต้นพัฒนาด้วย Unreal Engine 4 ต่อมาได้เปลี่ยนมาใช้ Unreal Engine 5 เพื่อใช้ประโยชน์จากการเรนเดอร์และแอนิเมชันของ Unreal Engine 5 และคุณสมบัติของ Nanite และ Lumen ก็ช่วยให้สามารถเรนเดอร์แสงเงาที่สมจริงอีกทั้งยังมีเครื่องมือในส่วนของ Character Creator ก็ยิ่งเป็นตัวช่วยที่ทำให้พัฒนาในส่วนของตัวละครที่ดียิ่งขึ้น

ความคิดเห็นทีมงาน

Clair Obscur: Expedition 33 เป็นเกมที่ทีมงานรู้สึกเหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันในท้องตลาดเกมประเภท Roguelike ส่วนใหญ่ล้วนเป็นแบบ Action ด้วยกันทั้งนั้นใครจะไปคิดว่าจะมีเกม Roguelike แบบ Turn-Based ทำออกมาและก็ทำได้ดีเสียด้วยแม้ตัวเกมจะนำระบบในส่วนของ Turn-Based จาก Persona มาใช้แต่ตัวเกมเองก็ต่อยอดออกไปได้อีกเหมือนเป็นการนำข้อดีจากเกมอื่น ๆ มาผสมผสานขัดเกลาจนลงตัวและเต็มอิ่มไปด้วยความเพลิดเพลินสนุกสนาน รวมทั้งเนื้อเรื่องที่ชวนให้ติดตามแบบคาดเดาไม่ได้ แม้แต่เพลงประกอบเองก็ตามช่วยเพิ่มอรรถรสในระหว่างต่อสู้ได้เป็นอย่างดี ถือเป็นเกมม้ามืดในปีนี้จริง ๆ ตกหล่นหรือผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี่

ข้อดี

  • ผสมผสานการเล่นแบบ Turn-Based และ Roguelike ไว้ได้อย่างลงตัว
  • เพลงประกอบยอดเยี่ยม
  • เนื้อเรื่องไม่สามารถคาดเดา

ข้อเสีย

  • ไม่สามารถ Fast Travel ไปนอกพื้นที่
  • บนโลกกว้างศัตรูน้อยและยืนเฉย ๆ
คะแนนรวม 9.5/10

Clair Obscur: Expedition 33 วางจำหน่ายแล้ววันนี้บนแพลตฟอร์ม PlayStation5, Xbox Series X/S และ PC

ท้ายนี้ทางทีมงาน P4G ขอขอบคุณทาง Bandai Namco Entertainment สำหรับตัวเกมเพื่อการรีวิวมา ณ ที่นี่

REVIEW by LUCIFERLOCKHART

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น