สำหรับผู้ที่ติดตามซีรีส์ Katamari มาอย่างยาวนาน การรอคอยเกมภาคหลักที่เป็นเนื้อหาใหม่ก็ได้สิ้นสุดลงแล้วด้วยภาคใหม่ Once Upon A KATAMARI ซึ่งแน่นอนว่า ตามธรรมเนียมของซีรีส์เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มต้นจากความผิดพลาดของ King of All Cosmos ราชาแห่งจักรวาลผู้ทรงอิทธิพลแต่มีพฤติกรรมคาดเดาอะไรไม่ได้เลย
ในครั้งนี้ท่านราชาได้ทำลายดวงดาวหลายดวง รวมถึงโลกของเราไปโดยไม่ได้ตั้งใจขณะที่กำลังเล่นสนุกอยู่กับม้วนคัมภีร์ประวัติศาสตร์ วิธีแก้ไขของท่านราชาคือการมอบหมายภารกิจสำคัญให้ The Prince เจ้าชายองค์น้อย และเหล่าลูกพี่ลูกน้องอีก 68 คน เดินทางข้ามเวลา ไปยังยุคสมัยต่าง ๆ เพื่อกลิ้ง Katamari (ลูกบอลเหนียว ๆ) ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างดวงดาวดวงใหม่ขึ้นมาทดแทน นี่คือแนวคิดที่เหนือจริงแต่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเกม
เกมเพลย์
แกนหลักของ Katamari ยังคงเหมือนเดิมคือการควบคุม Dual Analog Stick เพื่อบังคับลูกบอลให้ม้วนเก็บสิ่งของที่เล็กกว่าตัวเรา เมื่อ Katamari เติบโตขึ้น ก็จะสามารถม้วนวัตถุขนาดใหญ่ขึ้นได้ ซึ่งเป็นวงจรที่เรียบง่ายแต่น่าดึงดูดใจ
สิ่งที่สัมผัสได้ชัดเจนคือ ระบบการควบคุมที่ได้รับการปรับปรุงให้มีความนุ่มนวลและแม่นยำยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับภาคก่อนหน้า โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นด่านที่ Katamari ยังมีขนาดเล็ก การเคลื่อนไหวและการหักเลี้ยวทำได้อย่างคล่องตัว ไม่รู้สึกติดขัด ทำให้การเก็บรายละเอียดของไอเทมทำได้สนุกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าจะมีระบบ One-Stick Control เป็นทางเลือกสำหรับผู้เล่นใหม่ แต่การใช้ Dual Analog ยังคงมอบความแม่นยำและอิสระในการควบคุม Katamari ได้ดีที่สุด
ภาคนี้ได้มีการเพิ่มเติม Power-Up ใหม่ ๆ เข้ามาทำให้การเล่นมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
- The Magnet: เครื่องมือนี้มีประโยชน์อย่างมาก โดยจะช่วยดึงดูดสิ่งของที่อยู่ใกล้เคียง(และมีขนาดที่ม้วนได้) ให้เข้ามาติด Katamari โดยอัตโนมัติ ช่วยให้การเก็บกวาดไอเทมในพื้นที่แคบ ๆ ทำได้อย่างง่ายดาย
- The Rocket: ช่วยให้ Katamari สามารถเร่งความเร็วได้ชั่วขณะ ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในการทำเวลาในภารกิจจำกัดเวลา หรือการหลบหลีกอุปสรรคขนาดใหญ่
นอกจากนี้ การมีโหมด KatamariBall สำหรับการแข่งขันออนไลน์แบบ 4 ผู้เล่น ก็ได้เพิ่มมิติของการแข่งขันที่น่าสนใจให้กับซีรีส์นี้
การออกแบบด่าน
การนำธีมเดินทางข้ามเวลามาใช้ถือเป็นจุดเด่นสำคัญของการออกแบบด่าน ทำให้เกมสามารถนำเสนอฉากและวัตถุที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในซีรีส์ได้อย่างน่าประทับใจ
-ยุคไดโนเสาร์: ผู้เล่นจะได้ม้วนฟอสซิล ไข่ไดโนเสาร์ และพืชพันธุ์โบราณ
-ญี่ปุ่นยุคเอโดะ: บรรยากาศแบบโบราณที่เต็มไปด้วยซามูไร โคมไฟ และสถาปัตยกรรมดั้งเดิม
-โลกคาวบอย: ฉากทะเลทรายที่มีรถม้า ปืน และสัตว์เลี้ยงในฟาร์มปศุสัตว์
แต่ละยุคมาพร้อมกับภารกิจย่อยเฉพาะกิจที่หลากหลายนอกเหนือจากการกลิ้งเพื่อให้ได้ขนาด เช่น ภารกิจที่กำหนดให้ม้วนเฉพาะอาหารหรือการม้วนสิ่งของที่มีมูลค่าสูง ซึ่งบังคับให้ผู้เล่นต้องใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละด่านซึ่งช่วยเพิ่มคุณค่าในการกลับมาเล่นซ้ำได้เป็นอย่างดี
กราฟิก ภาพ และเสียง
-งานภาพ: กราฟิกยังคงใช้สไตล์ Low-Poly ที่มีสีสันจัดจ้าน ซึ่งเข้ากับบรรยากาศของเกม การออกแบบฉากในแต่ละยุคทำได้อย่างมีเสน่ห์ และเต็มไปด้วยรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่น่าสนใจ
-บทพูด: บทพูดของ King of All Cosmos ถือเป็นองค์ประกอบหลักที่สร้างความสนุกสนาน เขาจะคอยกล่าวแนะนำและแสดงความคิดเห็นด้วยท่าทีที่ตลกขบขัน โดยในภาคนี้โทนของบทพูดให้ความรู้สึก ป็นมิตรและอบอุ่นมากขึ้น
-Soundtrack: ดนตรีประกอบเป็นอีกจุดแข็งที่ทำได้ยอดเยี่ยมมาอย่างต่อเนื่อง ภาคนี้มีเพลงใหม่ ๆ ที่ผสมผสานสไตล์ J-Pop, Funk, และ Jazz ได้อย่างลงตัว ซึ่งช่วยเสริมให้การเล่นมีความเพลิดเพลินและมีจังหวะที่น่าจดจำ
สรุป
Once Upon a Katamari คือการกลับมาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และน่าประทับใจอย่างยิ่ง ตัวเกมไม่เพียงแต่ยึดมั่นในสูตรสำเร็จที่เคยสร้างชื่อเสียงไว้แต่ยังมีการปรับปรุงกลไกการเล่นและเพิ่มลูกเล่นใหม่ ๆ ที่ทำให้ประสบการณ์โดยรวมมีความสดใหม่และสนุกสนานยิ่งขึ้น สำหรับทั้งผู้เล่นที่รอคอยมานานและผู้เล่นใหม่ที่กำลังมองหาเกมที่มีเอกลักษณ์ในการเล่นสูงเกมนี้คือตัวเลือกที่เราแนะนำเป็นอย่างยิ่ง แต่เนื่องจากเกมนี้เป็นเกมที่ค่อนข้างเฉพาะทาง และเฉพาะกลุ่มทำให้เกมนี้อาจจะเป็นเกมที่สนุกมากสำหรับคนกลุ่มหนึ่งและไม่สนุกเลยสำหรับคนอีกกลุ่ม คะแนนสำหรับ Once Upon a KARAMARI 7/10
Once Upon a KATAMARI วางจำหน่ายแล้ววันนี้บนแพลตฟอร์ม PlayStation5, Switch และ PC(Steam)
ทีมงาน P4G ขอขอบคุณทาง Bandai Namco Entertainment สำหรับตัวเกมเพื่อการรีวิวมา ณ ที่นี้
รีวิวโดย TidGame of the Universe48 (แมวหิมะน้ำตาล)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
0 ความคิดเห็น